นาซ่าแถลงเมื่อวันพฤหัสว่า ความเสี่ยงต่อขยะอวกาศต่อภารกิจ STS-125 นั้นตกลงมาอยู่ที่ 1 ต่อ 221 การเคลื่อนที่อย่างระมัดระวัง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเป็นการลงมาสู่ วงโคจรที่ต่ำกว่าและแออัดน้อยกว่า ในวันที่10 ของภารกิจ และการใช้ ฮับเบิล เป็นเกราะ จะลดความเสี่ยงของกระสวยอวกาศที่จะถูก เกล็ดสี หรือ น็อตเหล็ก ชนเอาได้
การสำรวจที่แม่นยำ และ ใหม่กว่า เกี่ยวกับ เศษขยะที่โคจรอยู่รอบโลก ยังแสดงให้เห็นว่า ปริมาณของขยะนั้นน้อยกว่าที่เคยคาดไว้เล็กน้อย ข้อมูลใหม่นี้ หมายความว่า ภารกิจของกระสวยอวกาศสู่กล้องโทรทัศน์ฮับเบิลนั้น จะไม่มีความเสี่ยงต่อความปลอดภัยแต่อย่างใด
การวิเคราะห์ความเสี่ยงเบื้องต้นในเดือนตุลาคมคำนวณออกมาได้ที่ 1 ต่อ 185 ที่ขยะอวกาศหรือ อุกาบาตขนาดเล็กจะชนกระสวยอวกาศและเกิดความหายนะต่อลูกเรือและพาหนะ ภารกิจซ่อมแซมฮับเบิล STS-61ในเดือนธันวาคม 1993 เท่านั้นที่มีความเสี่ยงมากกว่านี้ คือ 1 ต่อ 150
ความเสี่ยงที่สูงกว่า 1 ต่อ 200ต้องได้รับความเห็นเพิ่มเติมเพื่อได้รับการยอมรับส่วนการระงับภารกิจอย่างเด็ดขาดของภารกิจกระสวยอวกาศอยู่ที่ 1 ต่อ 60ฮับเบิลนั้น อยู่ในที่ๆมีเศษขยะอยู่มาก และมันมีความเสี่ยงมากกว่าวงโคจรของสถานีอวกาศนานาชาติถึง3เท่า
ความเสี่ยงที่สูงกว่า 1 ต่อ 200ต้องได้รับความเห็นเพิ่มเติมเพื่อได้รับการยอมรับส่วนการระงับภารกิจอย่างเด็ดขาดของภารกิจกระสวยอวกาศอยู่ที่ 1 ต่อ 60ฮับเบิลนั้น อยู่ในที่ๆมีเศษขยะอยู่มาก และมันมีความเสี่ยงมากกว่าวงโคจรของสถานีอวกาศนานาชาติถึง3เท่า
แต่ต่อมา ในเดือนกุมภาพันธ์ ดาวเทียมสื่อสารของอเมริกาชนเข้ากับ ดาวเทียมคอสมอสของรัสเซีย
แพร่เศษขยะไปรอบโลก และทำให้เกิดความกลัวว่าความเสี่ยงของภารกิจซ่อมแซมฮับเบิลนั้น จะมีมากขึ้นไปอีก ผู้เชี่ยวชาญเศษผงในวงโคจร มาร์ค แมทนีย์ (Mark Matney) แห่งศูนย์อวกาศจอห์นสัน บอกกับ เนเจอร์ (นิตยสารเกี่ยวกับวิทยาศาสตร์ฉบับหนึ่ง) ว่าภารกิจนั้น “ใกล้กับระดับที่ยอมรับไม่ได้อย่างไม่น่าไว้วางใจ” และ กล่าวถึงการชนกันของดาวเทียมว่า “มีแต่จะเพิ่มความเสี่ยงให้มากขึ้น”
แต่นาซ่าสามารถที่จะออกแบบแผนการบินใหม่ ที่ไม่เพียงแต่จะทำให้ความเสี่ยงไม่เพิ่มขึ้น แต่ยังลดลงอีกด้วย พวกเขามาสู่ทางที่จะสามารถปฏิบัติภารกิจ ที่สำคัญทางวิทยาศาสตร์ ในขณะที่ปกป้องส่วนที่เปราะบางของกระสวยอวกาศ อย่างเช่น ส่วนจมูกและส่วนหน้าของปีก และด้วยขั้นตอนที่กลายมาเป็นขั้นตอนพื้นฐาน นักบินอวกาศจะตรวจสอบกระสวยอวกาศอย่างละเอียด ในวันก่อนที่จะเป็นวันสุดท้ายของภารกิจ ก่อนที่จะพยายามกลับเข้าสู่โลก
MMOD นั้นเป็นความเสี่ยงที่สูงที่สุดในภารกิจของกระสวยอวกาศ”สติชกล่าว “นั้นเป็นเหตุผลว่าทำไมเราต้องมีมาตรการความปลอดภัยพิเศษมากขึ้น” ในขณะที่ทำการตรวจสอบ หากนักบินอวกาศตรวจพบว่ากระสวยอวกาศของพวกเขาโดนชน พวกเขาก็มีทางเลือกที่จะปกป้องตัวเอง
“เรามีการบรรเทาสองสามอย่างที่นั้นหนึ่งในนั้นคือการซ่อมโดยการใช้ NOAX " สติชกล่าว พูดเป็นนัยถึงวัสดุคล้าย พุตตี้ (คล้ายๆก่อนดินน้ามัน ) ที่เป็นเหมือนพลาสเตอร์ยาของกระสวยอวกาศ นักบินจะทำการเดินออกไปนอกตัวยายและทำการซ่อมแซมมัน
ในกรณีที่รุนแรงกว่านั้น นาซ่าสามารถส่งกระสวยอวกาศอีกลำนึงไปสู่ลูกเรือ เพราะว่าพวกเขาไม่สามารถที่จะรอในสถานีอวกาศนานาชาติ ที่เป็นขั้นตอนมาตรฐาน พวกเขาจะนำอาหรและน้ำมาเพิ่มเติม สติชกล่าวว่า พวกเขาจะมีเวลา18วันในการนำลูกเรือออกจากพาหนะที่เสียหาย รูปภารกิจ LON ( lunch on need) STS-400
การชนเกิดขึ้นเป็นประจำในภารกิจของกระสวยอวกาศ ไวร์ไซเอนซ์ (wired Science เป็นผู้ที่ตีพิมพ์บทความนี้ในภาษาอังกฤษ) ได้รับฐานข้อมูลการชนด้วยความเร็วเหนือเสียง (Hypervelocity Impact Database) ที่แสดงให้เห็นว่าในภารกิจ 54ภารกิจ จาก STS-50 ถึง STS-114 ขยะอวกาศและอุกาบาตชนกระจกของกระสวยอวกาศ 1,634 ครั้ง มีความจำเป็นต้องเปลี่ยนกระจก 92ครั้ง และ เครื่องทำความร้อนได้ถูกชน 317ครั้ง ทำให้เกิดรู53ครั้ง
ไม่มีการชนครั้งใด ที่รุนแรงเพียงพอจนทำให้ลูกเรือหรือพาหนะอยู่ในอันตราย
(หายนะของกระสวยอวกาศโคลอมเบียนั้นเป็นเพราะความเสียหายที่เกิดขึ้นระหว่างการส่งกระสวยอวกาศ)
อย่างไรก็ตาม มันอาจจะขึ้นอยู่กับเวลา ก่อนที่นาซ่าไม่สามารถหลบหลีก ความเสี่ยงต่อเศษขยะอวกาศได้
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในพื้นที่ ที่มีดาวเทียมอยู่อย่างแออัดที่อยู่เหนือฮับเบิลไม่กี่ร้อยกิโลเมตร “บริเวณนั้นของอวกาศประสบวิกฤติอย่างมากอยู่แล้ว โดยปริมาณขยะที่อยู่บนนั้นและปริมาณของขยะจะเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าในอีก50ปี แม้ว่าคุณจะไม่ส่งอะไรออกไปบนนั้นอีก” เดวิด วไรท์ ผู้เชี่ยวชาญความปลอดภัยในอวกาศ กล่าว
“ที่อยากให้ทราบก็คือ การบรรเทาเศษผงเหล่านั้น ไม่เพียงพอเสียแล้ว เราอยู่ในจุดที่เราจะต้องรักษาปัญหานี้และเราก็ยังไม่รู้ว่าจะทำอย่างไร” แต่ในวงโคจรที่ต่ำกว่า ในที่ๆฮับเบิลและสถานีอวกาศนานาชาติตั้งอยู่เรายังสามารถเล่นเกมส์แมวจับหนูกับเศษขยะชิ้นเล็กๆในอวกาศ อย่างน้อยก็ในช่วงเวลาหนึ่ง“คุณไม่สามารถพูดอย่างนั้นได้อีกนานเท่าไหร่หรอก ผลกระทบจากขยะนั้นจะสูงขึ้นจนมันจะทำให้เราไม่มีที่ว่างเหลือเลยทีเดียว” วไรท์กล่าว
แพร่เศษขยะไปรอบโลก และทำให้เกิดความกลัวว่าความเสี่ยงของภารกิจซ่อมแซมฮับเบิลนั้น จะมีมากขึ้นไปอีก ผู้เชี่ยวชาญเศษผงในวงโคจร มาร์ค แมทนีย์ (Mark Matney) แห่งศูนย์อวกาศจอห์นสัน บอกกับ เนเจอร์ (นิตยสารเกี่ยวกับวิทยาศาสตร์ฉบับหนึ่ง) ว่าภารกิจนั้น “ใกล้กับระดับที่ยอมรับไม่ได้อย่างไม่น่าไว้วางใจ” และ กล่าวถึงการชนกันของดาวเทียมว่า “มีแต่จะเพิ่มความเสี่ยงให้มากขึ้น”
แต่นาซ่าสามารถที่จะออกแบบแผนการบินใหม่ ที่ไม่เพียงแต่จะทำให้ความเสี่ยงไม่เพิ่มขึ้น แต่ยังลดลงอีกด้วย พวกเขามาสู่ทางที่จะสามารถปฏิบัติภารกิจ ที่สำคัญทางวิทยาศาสตร์ ในขณะที่ปกป้องส่วนที่เปราะบางของกระสวยอวกาศ อย่างเช่น ส่วนจมูกและส่วนหน้าของปีก และด้วยขั้นตอนที่กลายมาเป็นขั้นตอนพื้นฐาน นักบินอวกาศจะตรวจสอบกระสวยอวกาศอย่างละเอียด ในวันก่อนที่จะเป็นวันสุดท้ายของภารกิจ ก่อนที่จะพยายามกลับเข้าสู่โลก
วงโคจรของดาวเทียมทั้งสองดวงที่วิ่งมาชนกัน
นอกเหนือจากข่าวดีนี้แล้ว เศษขยะในวงโคจรโดยรวมแล้วยังคงน่าเป็นห่วง การชนกันของดาวเทียมอย่างเดียวทำให้ความเสี่ยงต่อภารกิจเพิ่มขึ้น8เปอร์เซ็นต์ ความเสี่ยงต่อการโดนชนโดย อุกาบาตขนาดเล็ก หรือเศษขยะในวงโคจร ( micrometeroid or orbital debris, MMOD ) นั้นน่าเป็นห่วงอย่างมากMMOD นั้นเป็นความเสี่ยงที่สูงที่สุดในภารกิจของกระสวยอวกาศ”สติชกล่าว “นั้นเป็นเหตุผลว่าทำไมเราต้องมีมาตรการความปลอดภัยพิเศษมากขึ้น” ในขณะที่ทำการตรวจสอบ หากนักบินอวกาศตรวจพบว่ากระสวยอวกาศของพวกเขาโดนชน พวกเขาก็มีทางเลือกที่จะปกป้องตัวเอง
“เรามีการบรรเทาสองสามอย่างที่นั้นหนึ่งในนั้นคือการซ่อมโดยการใช้ NOAX " สติชกล่าว พูดเป็นนัยถึงวัสดุคล้าย พุตตี้ (คล้ายๆก่อนดินน้ามัน ) ที่เป็นเหมือนพลาสเตอร์ยาของกระสวยอวกาศ นักบินจะทำการเดินออกไปนอกตัวยายและทำการซ่อมแซมมัน
ในกรณีที่รุนแรงกว่านั้น นาซ่าสามารถส่งกระสวยอวกาศอีกลำนึงไปสู่ลูกเรือ เพราะว่าพวกเขาไม่สามารถที่จะรอในสถานีอวกาศนานาชาติ ที่เป็นขั้นตอนมาตรฐาน พวกเขาจะนำอาหรและน้ำมาเพิ่มเติม สติชกล่าวว่า พวกเขาจะมีเวลา18วันในการนำลูกเรือออกจากพาหนะที่เสียหาย รูปภารกิจ LON ( lunch on need) STS-400
การชนเกิดขึ้นเป็นประจำในภารกิจของกระสวยอวกาศ ไวร์ไซเอนซ์ (wired Science เป็นผู้ที่ตีพิมพ์บทความนี้ในภาษาอังกฤษ) ได้รับฐานข้อมูลการชนด้วยความเร็วเหนือเสียง (Hypervelocity Impact Database) ที่แสดงให้เห็นว่าในภารกิจ 54ภารกิจ จาก STS-50 ถึง STS-114 ขยะอวกาศและอุกาบาตชนกระจกของกระสวยอวกาศ 1,634 ครั้ง มีความจำเป็นต้องเปลี่ยนกระจก 92ครั้ง และ เครื่องทำความร้อนได้ถูกชน 317ครั้ง ทำให้เกิดรู53ครั้ง
รูปกล่องเก็บการทดลองที่โดนชน และซ่อมโดย NOAX
ไม่มีการชนครั้งใด ที่รุนแรงเพียงพอจนทำให้ลูกเรือหรือพาหนะอยู่ในอันตราย
(หายนะของกระสวยอวกาศโคลอมเบียนั้นเป็นเพราะความเสียหายที่เกิดขึ้นระหว่างการส่งกระสวยอวกาศ)
อย่างไรก็ตาม มันอาจจะขึ้นอยู่กับเวลา ก่อนที่นาซ่าไม่สามารถหลบหลีก ความเสี่ยงต่อเศษขยะอวกาศได้
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในพื้นที่ ที่มีดาวเทียมอยู่อย่างแออัดที่อยู่เหนือฮับเบิลไม่กี่ร้อยกิโลเมตร “บริเวณนั้นของอวกาศประสบวิกฤติอย่างมากอยู่แล้ว โดยปริมาณขยะที่อยู่บนนั้นและปริมาณของขยะจะเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าในอีก50ปี แม้ว่าคุณจะไม่ส่งอะไรออกไปบนนั้นอีก” เดวิด วไรท์ ผู้เชี่ยวชาญความปลอดภัยในอวกาศ กล่าว
“ที่อยากให้ทราบก็คือ การบรรเทาเศษผงเหล่านั้น ไม่เพียงพอเสียแล้ว เราอยู่ในจุดที่เราจะต้องรักษาปัญหานี้และเราก็ยังไม่รู้ว่าจะทำอย่างไร” แต่ในวงโคจรที่ต่ำกว่า ในที่ๆฮับเบิลและสถานีอวกาศนานาชาติตั้งอยู่เรายังสามารถเล่นเกมส์แมวจับหนูกับเศษขยะชิ้นเล็กๆในอวกาศ อย่างน้อยก็ในช่วงเวลาหนึ่ง“คุณไม่สามารถพูดอย่างนั้นได้อีกนานเท่าไหร่หรอก ผลกระทบจากขยะนั้นจะสูงขึ้นจนมันจะทำให้เราไม่มีที่ว่างเหลือเลยทีเดียว” วไรท์กล่าว
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น