วันเสาร์ที่ 12 กันยายน พ.ศ. 2552

นิบิรุและวันสิ้นโลกปปี 2012 : ข้อชี้แจง และอธิบาย

นิบิรุ และวันสิ้นโลก 2012 : คำถามและคำตอบ

ลิงค์ต้นฉบับ Ask an astrobiologist แปลโดย ธาวันอุทัยเจริญพงษ์
ผมได้เห็นผู้คนในอินเตอร์เน็ตมากมายถามเกี่ยวกับวันสิ้นโลกปี 2012 โดยเฉพาะอย่างยิ่งเจ้า planet X ก็เลยไปหาข้อมูลดู ปรากฏว่าเจอเว็บนี้ซึ่งอธิบายดีมากเกี่ยวกับทฤษฏีวันสิ้นโลกต่างๆ ในเว็บเค้ามี 20ข้อ แต่มีเพียง 9ข้อแรกเท่านั้นที่เก็บกับ PlanetX หรือนิบิรุที่เป็นหัวข้อ เลยแปลมาเท่านั้นน่ะครับ เรื่องอื่นๆเกี่ยวกับวันสิ้นโลกนั้นผมได้แปลไว้ก่อนหน้านี้แล้ว


เรื่องราวเกี่ยวกับดาวเคราะห์นิบิรุที่อุปโลกษ์ขึ้นมาและคำทำนายเกี่ยวกับวันสิ้นโลก ในปี 2012 ผุดขึ้นมาเป็นจำนวนมากบนอินเตอร์เน็ต ขณะนี้( มิถุนายน 2009) มีหนังสือ 175เล่มในเว็บไซท์  Amazon.com ที่เกี่ยวข้องกับ วันสิ้นโลก 2012
ขณะที่เรื่องหลอกลวงนี้แพร่กระจายออกไป มีฉากความหายนะอีกหลากหลายแบบ ก็ผุดขึ้นมาด้วย "ถามนักโหราศาสตร์-ชีววิทยา(Ask an Astrobiology)" (เป็นเว็บที่บทความนี้ไปคัดลอก และแปลมา)  ได้รับคำถามเกือบๆพันคำถามกี่ยวกับ นิบิรุ และ 2012 ด้วยมากกว่า 200 คำตอบได้เผยแพร่ มีคำถามใหม่ๆที่คลายคลึงกับที่ได้ตอบไปแล้ว ต่อไปนี้เป็นคำถามที่เป็นที่นิยมมากที่สุด 20 คำถาม เรียบเรียงตามลำดับเหตุผล.
เพิ่มเติมจากความคิดเห็นของผม มีแหล่งข้อมูลที่มีประโยชน์อีกมาก
- Neil de Grassse Tyson ได้โพสคลิปวิดีโอดีๆ เกี่ยวกับ นิบิรุ 2012 ( http://fora.tv/2009/02/04/Neil_deGrasse_Tyson_Pluto_Files#Neil_deGrasse_Tyson_World_Will_Not_End_in_http://fora.tv/2009/02/04/Neil_deGrasse_Tyson_Pluto_Files#Neil_deGrasse_Tyson_World_Will_Not_End_in_2012)
- วิกิพีเดียมีบทความที่เกี่ยวข้องมากมาย, เริ่มจาก Nibiru colision, Nibiru Mythology และ Nibiru Sitchin และ 2012 doomsday prediction.
- รายละเอียดการกำเนิดของ ดาวเคราะห์ เอ็กซ์/นิบิรุ หาได้เพิ่มเติมจากการพิจารณาโดย Phil Plait  ในเว็บไซท์ Badastronomy
เดวิด มอริสัน
นักวิทยาศาสตร์ อาวุโส NAI ( NAI Senoir Scientist)
1 มิถุนายน 2009
1.) อะไรคือจุดเริ่มต้นของคำทำนายว่าโลกจะสิ้นสุดในเดือนธันวาคม 2012?

   เรื่องราวเริ่มขึ้นจากการกล่าวอ้างว่า นิบิรุ ดาวเคราะท์ที่เชื่อกันทั่วไปว่าค้นผบโดยชาวสุเมเรี่ยน กำลังพุ่งมายังโลก Zecharia Sitchin ผู้ที่เขียนนิยายเกี่ยวกับอารยธรรมของชาวเมโสโปเตเมียในยุคโบราณ แห่ง ซูเมอ  ได้อ้างในหนังสือหลายเล่ม(ตัวอย่างเช่น The Twelfth Planet, published in 1976) ว่า เขาได้พบและแปลเอกสารของชาวสุเมเรี่ยน ที่ได้ชี้ให้เห็นถึงดาวเคราะห์นิบิรุ โคจรรอบดวงอาทิตย์ทุกๆ 3600ปี
   นิทานชาดกของชาวสุเมเรียนได้รวมถึงเรื่องราวของ นักบินอวกาศยุคโบราณ มาเยือนโลกจากอารยธรรมของมนุษต่างดาวที่เรียกว่า อนันนากิ (Anunnaki) จากนั้น Nancy Lieder ผู้ที่กล่าวอ้างตัวเองว่าเป็นผู้มีพลังจิต และได้มีการติดต่อกับเอเลี่ยน เขียนลงบนเว็บไซท์ของเธอZetatalk ว่า เอเลี่ยนที่อาศัยอยู่บนดาวเคราะห์ที่อุปโลกน์ขึ้น แถวๆดาว Zeta Reticuli ได้เตือนเธอว่าโลกจะมีอันตรายจากดาวเคราะห์เอ็กซ์ หรือ นิบิรุ  ความหายนะนี้เดิมได้ทำนายว่าจะเกิดขึ้นเมื่อ พฤษภาคม 2003 และเมื่อไม่มีอะไรเกิดขึ้น วันสิ้นโลกได้เลื่อนไปเป็นเดือนธันวาคม 2012
เมื่อไม่นานมานี้เท่านั้นที่เรื่องที่แต่งขึ้นทั้งสองเรื่องนี้เชื่อมโยงถึงปฏิทินที่มีมายาวนานของชาวมายันได้สิ้นสุดลงที่วันที่ดวงอาทิตย์อยู่ไกลจากโลกมากที่สุดของปี 2012  ดังนี้เองวันสิ้นโลกจึงถูกทำนายว่าจะเกิดขึ้นในวันที่ 21 ธันวาคม 2012
2. อารยธรรมของชาวสุเมเรี่ยนเป็นอารยธรรมที่ยิ่งใหญ่ครั้งแรก และพวกเขาได้ทำนายปรากฏการดาราศาสตร์อย่างแม่นยำหลายครั้ง รวมถึงการมีอยู่ของดาวมฤตยู( Uranus) ดาวเกตุ( Neptune) และดาวพลูโต(Pluto) ดังนั้นทำไมเราถึงไม่เชื่อคำทำนายของพวกเขาเกี่ยวกับนิบิรุ?

   นิบิรุ เป็นชื่อที่นักดาราศาสตร์ชาวบาบิโลเนี่ยน ใช้เกี่ยวโยงถึงพระเจ้ามาดัก( God Marduk)เป็นบางครั้ง นิบิรุปรากฏเป็นพระรองในกลอนประดิษฐ์( Creation poem) Enuma Elish ที่บันทึกไว้ในห้องสมุดแห่ง Assurbanipal กษัตร์แห่งอัซซีเรีย ( 668-627 BCE) หากแต่ซูเมอร์(ชาวสุเมเรี่ยน)ได้มีการขยายอำนาจเร็วกว่านั้นมาก ประมาณ 23-17 BCE
คำกล่าวอ้างที่ว่านิบิรุนั้นเป็นดาวเคราะห์และได้ค้นพบโดยชาวสุเมเรี่ยนนั้นได้รับการโต้แย้งจากผู้ที่ศึกษาและแปลบันทึกที่เขียนไว้แห่ง เมโสโปเตเมียโบราณ (ไม่เหมือนกับนักพลังจิต Zecharia Sitchin) ซูเมอร์นั้เป็นอารยธรรมที่ยิ่งใหญ่จริง มีความพัฒนาอย่างมากในเรื่องของการเกษตร การจัดการน้ำ การใช้ชีวิต และโดยเฉพาะอย่างยิ่งการเขียน อย่างไรก็ตาม พวกเขามีการบันทึกที่เกี่ยวกับดาศาสตร์ไว้น้อยมาก แน่นอนว่าพวกเขาไม่ได้รู้เกี่ยวกับการมีอยู่ของ Uranus, Neptune และ Pluto  พวกเขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่า ดาวเคราะห์โคจรรอบดวงอาทิตย์ ซึ่งนั่นเป็นความรู้ที่มีขึ้นในกรีกโบราณสองทศวรรษถัดมา  หลังจากการล่มสลายของอารยธรรมซูเมอร์   การกล่าวอ้างว่าชาวสุเมเรี่ยนมีความรู้ลึกซึ้งเกี่ยวกับดาราศาสตร์ หรือว่าพวกเขามีพระเจ้าที่ชื่อว่านิบิรุนั้น ล้วนแต่เป็นผลพวงจากจินตาการของ นักพลังจิต Zecharia Sitchin.
3.) คุณจะปฏิเสธการมีอยู่ของนิบิรุได้อย่างไรในเมื่อมันถูกค้นพบในปี 1983 และเรื่องราวของมันได้ถูกตีพิมพ์ลงในหนังสือพิมพ์ชั้นแนวหน้า? ในเวลานั้นมันถูกเรียกว่า ดาวเคราะห์เอ็กซ์ และหลังจากนั้นมันได้ถูกเปลี่ยนชื่อเป็น เซนะ( Xena) หรือ เอริส( Eris)

   IRAS ( กล้องโทรทัศน์อินฟราเรดในอวกาศของนาซ่า ที่สำรวจท้องฟ้าเป็นเวลาสิบเดือนในปี 1983) ได้ค้นพบแหล่งอินฟราเรดมากมาย แต่ทั้งหมดนั้นไม่ใช่ นิบิรุ หรือดาวเคราะห์เอ็กซ์ หรือวัตถุใดๆก็ตามในระบบสุริยะส่วนนอก มีการวิจารณ์ดีๆเกี่ยวกับเรื่องนี้จาก Caltech  สามารถอ่านได้ที่  (spider.ipac.caltech.edu/staff/tchester/iras/no_tenth_planet_yet.html) โดยย่อ IRAS ได้บันทึกแหล่งอินฟราเรด 350,000 รายการ และโดยเริ่มต้นแล้วส่วนมากเป็นสิ่งที่ไม่เคยถูกระบุตัวตนมาก่อน (unidentified) (แน่นอน มันเป็นจุดประสงค์แต่เริ่มต้นอยู่แล้ว ในการทำการสำรวจครั้งนี้) การสำรจทั้งหมดนี้ได้รับการตรวจสอบซ้ำโดยอุปกรณ์ที่มีพลังมากกว่า ทั้งจากพื้นและอวกาศ  ข่าวลือเกี่ยวกับ" ดาวเคราะห์ดวงที่สิบ" ประทุขึ้นในปี 1984 หลังจาก เอกสารวิจัยทางวิทยาศาสตร์ที่ตีพิมพ์ในวารสารฟิสิกส์ดาราศาสตร์ มีหัวข้อว่า "แหล่งกำเนิดที่ไม่ได้รับการระบุ จากการสำรวจย่อยของ IRAS"(“Unidentified point sources in the IRAS minisurvey”)  ซึ่งกล่าวถึงแหล่งกำเนิดอินฟราเรดหลายแหล่งที่"ไม่เคยพบเห็นมาก่อน" แต่ "วัตถุลึกลับ"เหล่านี้ปรากฏว่าเป็น กาแลกซี่ที่อยู่ไกลโพ้นนั้นเอง จากที่มีการตีพิมพ์ในปี 1987 แหล่งอินฟราเรดที่ได้ค้นพบโดยIRAS นั้นไม่เคยถูกพบว่าเป็นดาวเคราะห์แต่อย่างใด บทวิจารณ์ดีๆเกี่ยวกับเรื่องเหล่านี้สามารถหาได้ที่เว็บไซต์ของ Phil Plait (www.badastronomy.com/bad/misc/planetx/science.html#iras) 

ข้อสรุปนั้นก็คือ นิบิรุเป็นเพียงเรื่องแต่งขึ้น โดยไม่อยู่บนหลักความจริง สำหรับนักดาราศาสตร์ การโต้แย้งอย่างดึงดันเกี่ยวกับดาวเคราะห์ที่อยู่"ใกล้ๆ"แต่ "มองไม่เห็น"นั้น เป็นเพียงเรื่องงี่เง่าๆเท่านั้น
4.) หรือว่าเราควรถามถึงดาวเคราะห์เอ็กซ์หรือเอริส ไม่ใช่นิบิรุ และทำไมต้องเก็บวงโคจรของเอริสไว้เป็นความลับด้วย?

   "ดาวเคราะห์เอ็กซ์" นั้นเป็นถ้อยคำที่ขัดกนเมื่อถูกใช้กับวัตถุมีจริง  คำนี้ถูกใช้โดยนักดาราศาสตร์มาเป็นทศววรรษแล้ว สำหรับสิ่งที่คาดว่าหรืออาจเป็นไปได้ว่าอาจะเป็นวัตถุ  เมื่อวัตถุนั้นได้มีการค้นพบแล้ว มันจะถูกตั้งชื่อที่แท้จริงให้ อย่างที่เคยเป็นกับพลูโตและเอริส ซึ่งบางครั้งก็ยังถูกเรียกว่าดาวเคราะห์เอ็กซ์อยู่ ถ้าหากวัตถุใหม่ปรากฏว่าไม่ได้เป็นวัตถุจริง หรือว่าไม่ใช่ดาวเคราะห์ คุณก็จะไม่ได้ยินเรื่องเกี่ยวกับมันอีก ถ้าหากมันเป็นจริง มันก็จะไม่ถูกเรียกว่าดาวเคราะห์เอ็กซ์
เอริสเป็นหนึ่งในดาวเคราะห์แคระหลายๆดวงในระบบสุริยะชั้นนอกที่ถูกค้นพบเร็วๆนี้โดยนักดาราศาสตร์  ทั้งหมดนั้นอยู่บนวงโคจรธรรมดาๆที่จะไม่เคยนำมันมาเข้าใกล้โลก  เช่นเดียวกับพลูโตเอริสนั้นมีขนาดเล็กกว่าพระจันทร์ของเรา และก็อยู่ไกลมากๆ และวงโคจรของมันก็ไม่เคยนำมันมาใกล้โลกมากกว่า สี่พันล้านไมล์ และมันก็ไม่มีความลับเกี่ยวกับเอริสและวงโคจรของมัน โดยคุณก็สามารถตรวจสอบได้ง่ายๆโดยใช้กูเกิล หรือวิกิพีเดีย
5. คุณจะปฏิเสธหรือว่ามีการสร้างกล้องโทรทัศน์ที่ขั้วโลกใต้เพื่อเอาไว้จับตามองนิบิรุ ถ้าไม่อย่างนั้นแล้วทำไมถึงจะไปสร้างกล้องโทรทัศน์ที่ขั้วโลกใต้?

   มีกล้องโทรทัศน์อยู่ที่ขั้วโลกใต้จริง แต่มันไม่ได้สร้างโดยนาซ่า และไม่ได้ถูกใช้เพื่อศึกษานิบิรุ กล้องโทรทัศน์ที่ขั้วโลกได้ได้รับการสนับสนุนโดย National Science Foundation และมันเป็นกล้องโทรทัศน์วิทยุ(Radio telescope, ใช้คลื่นวิทยุเพื่อศึกษาดาราศาสตร์) ไม่ใช่อุปกรณ์ทางแสง(optical instrument)   มันไม่สามารถถ่ายภาพได้ ไม่เชื่อก็ลองไปหาดูในวิกิพีเดียได้ ขั้วโลกใต้เป็นที่ๆดีมากสำหรับการสำรวจโดยอินฟราเรดและวิทยุคลื่นสั้น และมันยังมีข้อได้เปรียบคือสามารถตรวจสอบวัตถุใดๆได้อย่างต่อเนื่อง โดยปราศจากการรบกวนของกลางวัน-กลางคืน
   ผมยังต้องการที่จะกล่าวเพิ่มเติมว่า มันเป็นไปไม่ได้เลยที่จะจินตนาการว่า จะมีวัตถุใดๆที่สามารถมองเห็นได้ขั้วโลกใต้เท่านั้น ถึงแม้ว่ามันจะเคลื่อนที่เข้าขั้วโลกใต้ มันก็จะสามารถมองเห็นได้จากซีกโลกใต้ทั้งหมด
6.) มีภายถ่ายและวิดีโอมากมายเกี่ยวกับนิบิรุยนอินเตอร์เน็ต  นั้นเป็นหลักฐานไม่ใช่รึ ว่ามันมีอยู่จริง?

   ภาพถ่ายและวิดีโอส่วนมากบนอินเตอร์เน็ตล้วนแต่เป็นโครงร้างอะไรสักอย่างที่อยู่ใกล้ดวงอาทิตย์ (ซึ่งสอดคล้องกับคำกล่าวอ้างว่านิบิรุนั้นซ่อนอยู่หลังพระอาทิตย์ในหลายปีที่ผ่านมา) นี่เป็นภาพปลอมของดวงอาทิตย์ที่เกิดจากการหักเหภายในเลนส์ เป็นที่รู้จักในชื่อ Lens flare คุณสามารถตรวจสอบพวกมันได้ง่ายๆโดยข้อเท็จจริงที่ว่าภายเหล่านั้นเกิดในด้านตรงข้ามกับภาพของดวงอาทิตย์เสมอ และดูเหมือนว่ามันสะท้อนผ่านกึ่งกลางของรูป มีวิดีโออันนึงที่เห็นได้อย่างชัดเจน ที่เมื่อกล้องขยับ ภาพลวงนั้นก็เคลื่อนที่ในทิศตรงข้ามกับภาพจริงอย่างสม่ำเสมอ ปรากฏการณ์ lens flare นี้ยังเป็นแหล่งภาพของ UFO มากมายที่ถ่ายตอนกลางคืนและมีแหล่งกำเนิดแสงจ้าเช่นไฟถนนอยู่ในรูปถ่าย  ผมประหลาดใจว่าผู้คนส่วนมากไม่รับรู้ถึงปรากฏการณ์นี้  ผมยังประหลาดใจอีกเมื่อพบว่าภาพเหล่านี้ที่แสดงให้เห็นถึงอะไรซักอย่างที่ใหญและสว่างพอๆกับพระอาทิตย์นั้ เป็นที่ยอมรับร่วมกับการกล่าวอ้างจากแหล่งข้อมูลเดียวกันว่านิบิรุนั้นมืดเกินไปที่จะถ่ายรูปเว้นแต่ว่าจะใช่กล้องโทรทัศน์ใหญ่ๆ
   รูปถ่ายที่มีการพูดถึงมากที่สุดรูปหนึ่ง (www.greatdreams.com/nibiru-possible.jpg) แสดงให้เห็นรูปของกลุ่มแก็ซที่กำลังขยายตัวไกลออกไปจากระบบสุริยะ ที่ไม่เคลื่อนไหว คุณสามารถสังเกตุได้ว่าที่จริงแล้วดาวนั้นเป็นดาวดวงเดียวกันในรูปทั้งสอง  ผู้อานตาคคมคนหนึ่งจากเว็บไซท์นั้นระบุว่ารูปนี้เป็นรูปถ่ายจากกลุ่มแก็ซรอบดาว V838 Mon วิกิพี่เดียมีบทความดีๆและภาพสวยๆของดาวดวงนี้จากฮับเบิ้ลเด็กม.ปลายคนนึงประทับใจมากกับรูปจุดสีแดงที่โพสในเว็บนั้น ที่อ้างว่าเป็นรูปของนิบิรุ จากนั้นเขาทดลองใน โปรแกรมโฟโต้ชอป เกี่ยวกับว่าจะสร้างรูปแบบเดียวกันนั้นได้อย่างไร เริ่มต้นจากไม่มีอะไรเลย
วิดีโออันหนึ่งที่โพสในปี2008ในยูทูป (www.youtube.com/watch?v=qDKtkWIx00www.youtube.com/watch?v=qDKtkWIx00A

  เป็นชายคนหนึ่งซึ่งอ้างว่าวัตถุที่ถูกตรวจพบโดยภาพถ่ายเอ็กซ์เรย์จากนาซ่า คือนิบิรุ หลักฐานของเขานะหรือ? เพราะว่าภาพถ่ายสีหลอก(กำหนดสีขึ้นเองจากข้อมูลที่ถ่ายได้มาเพราะจริงๆแล้วเราไม่สามารถเห็นรังสีเอ็กซ์ได้ ภาพที่ได้จึงเรียกว่าภาพถ่ายสีหลอก, False-color image-ผู้แปล) ที่ปล่อยออกมาโดยนาซ่าเป็นสีฟ้า แสดงว่านั้นเป็นดวาเคราะห์ใกล้โลกที่มีมหาสมุทรอยู่แน่ๆ นี่มันน่าตลกสิ้นดี ถ้าหากว่ามันไม่ได้ใช่เพื่อทำให้ชาวบ้านตื่นกลัว
7.คุณสามารถอธิบายได้หรือไม่ว่า เป็นข้อเท็จจริงที่พื้นที่ ที่ (5h 53m 27s, -6 10 58)  นั้นโดนถมดำใน google sky และ microsoft Telescope? คนทั่วไปกล่าวว่าพื้นที่นี้โดนถมดำเพราะว่านั่นเป็นพิกัดของตำแหน่งดาวนิบิรุในขณะนี้

   ผู้คนจำนวนมากถามผมเกี่ยวกับสี่เหลี่ยมสีดำที่โอไรออน(กลุ่มดาวโอไรออน-ผู้แปล) ใน google sky ซึ่งเป็นการแสดงภาพถ่ายจากการสำรวจของ Sloan Digital นี่ไม่สามารถเป็นที่หลบซ่อนของนิบิรุได้ เพราะว่ามันเป็นส่วนของท้องฟ้าที่สามารถมองเห็นได้จากเกือบทุกส่วนของโลก ในฤดูหนาวของปี 2007-2008 ซึ่งเป็นเวลาที่เรื่องราวของนิบิรุเริ่มต้นขึ้น มันยังขัดแย้งกับคำอ้างว่านิบิรุนั้นซ่อนอยู่ข้างหลังพระอาทิตย์ หรือว่ามันสามารถมองเห็นได้จากซีกโลกใต้เท่านั้น
แต่ ผมเองก็สงสัยเกี่ยวกับสีเหลี่ยมสีดำนี้ ผมเลยไปถามเพื่อนที่เป็นนักวิทยาศาสตร์อาวุโสที่กูเกิ้ล เขาตอบว่า มันเป็นข้อมูลที่หายไประหว่างการประมวลเพื่อนำภาพมาต่อด้วยกัน และทีมของเขารับรองว่าการอัพเดตครั้งต่อไปมันจะถูกแก้ไขแน่!”
8.ถ้าหากรัฐบาลรู้เรื่องเกี่ยวกับนิบิรุแล้ว พวกเขาจะไม่เก็บมันเอาไว้เป็นความลับเหรอ ? เพื่อที่จะหลีกเลี่ยงความตื่นตระหนก เป็นหน้าที่ของรัฐบาลไม่ใช่เหรอที่ต้องดูแลประชาชนให้อยู่ในความสงบ

   รัฐบาลมีหน้าที่หลายๆอย่าง แต่หน้าที่เหล่านั้นไม่ได้รวมไปถึงการทำให้ประชาชนอยู่ในความสงบ ไม่ตื่นตกใจ จากประสบการณ์ของผม รัฐบาลทำในสิ่งที่ตรงกันข้ามด้วยซ้ำ อย่างเช่นการกล่าวถึงคำขู่ลวงของนักก่อการร้าย หรือว่าเกี่ยวกับอุบัติเหตุในการขับรถในช่วงวันหยุดยาว ที่ไม่ได้มีอันตรายไปกว่าช่วงเวลาปกติเลยด้วยซ้ำ
   นอกเหนือจากนั้น นักสังคมศาสตร์ยังชี้ให้เห็นว่า แนวคิดเกี่ยวกับการตื่นตระหนกของประชาชนนั้น มาจากฮอลิวู้ดซะส่วนมาก ในชณะที่ในโลกแห่งความเป็นจริงแล้ว ผู้คนมีประวัติที่ดีในการให้ความช่วยเหลือซึ่งกันและกันเมื่อตกทุกข์ได้ยาก ผมคิดว่าทุกคนก็ตระหนักว่าการเก็บงำข่าวร้ายไว้นั้นเป็นเรื่องที่ไม่ดีเอาซะเลย เพราะมันจะแย่ลงอีกเมื่อความลับนั้นถูกเปิดเผย และในกรณีของนิบิรุ ความจริงจะปรากฏในเวลาไม่นานนี้แล้ว
   ถึงแม้ว่ารัฐบาลอยากจะปิดข่าวนิบิรุเป็นความลับ ถ้ามันเป็นเรื่องจริงล่ะก็นะ มันจะถูกสำรวจจากนักดาราศาสตร์เป็นพันคน ทั้งมือสมัครเล่นและมืออาชีพ นักดาราศาสตร์เหล่านี้อยู่ทั่วโลก และเขาเหล่านี้ไม่สามารถเก็บความลับได้แม้จะถูกสั่งห้ามก็ตาม คุณไม่สามารถซ่อนดาวเคราะห์ที่กำลังวิ่งเข้าสู่ระบบสุริยะชั้นในได้หรอกนะ!
9. ทำไมปฏิทินมายันถึงกล่าวว่าโลกจะสิ้นในปี 2012? ฉันได้ยินมาว่าพวกเขามีคำทำนายเกี่ยวกับดวงดาวที่แม่นมากนะ  เราจะรู้ได้อย่างไรว่าเรารู้ดีกว่าพวกเขา?

   ปฏิทินมีไว้เพื่อ ติดตามห้วงของเวลา ไม่ใช่เพื่อทำนายอนาคต นักดาราศาตร์มายันนั้นฉลาด และพวกเขาได้พัฒนาปฏิทินที่ซับซ้อน ปฏิทินโบราณเป็นสิ่งน่าสนใจสำหรับนักโบราณคดี แต่มันไม่สามารถเทียบได้เลยกับความสามารถของเราในทุกวันนี้  ในการรับรู้เวลา หรือความแม่นยำของปฏิทินที่เราใช้   ใจความก็คือ  ไม่ว่าจะปัจจุบันหรืออดีตก็ตาม ปฏิทินไม่สามารถทำนายอนาคตของดาวของเราได้หรือเตือนถึงสิ่งที่จะเกิดขึ้นในปีที่เฉพาะเจาะจงอย่างเช่นปี 2012
ผมสังเกจุว่า ปฏิทินบนโต้ะของผม สิ้นสุดลงเร็วกว่านั้นมาก คือวันที่ 31 ธันวาคม 2009 แต่ผมก็ไม่ได้ตีความว่านี่เป็นคำทำนายถึงวันสิ้นโลก มันเป็นเพียงเวลาเริ่มต้นของปีใหม่เท่านั้นเอง

1 ความคิดเห็น:

ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

ขอบคุณมากค่ะ แปลแล้วนำมาให้ได้ชม เพราะส่วนใหญ่ในขณะนี้เว็ปไซด์ต่างๆ ที่เกี่ยวกับนิบิรุในไทยนั้น จะแปลบทความมาในทำนองเดียวกันจนน่าคิดว่า นำมาจากบทความเดียวกันแต่แต่งเติมออกไปจนน่ากลัว ดีแล้วค่ะที่ยังมีบทความที่เป็นอีกด้านหนึ่งมานำเสนอ จะได้ำไปวิเคราะห์ต่อได้ โดยไม่ได้มีแต่ความข้างเดียว